เรามาดูดีเทลที่ลึกลงไป อีกนิดนึง มันมีความจริงอยู่ ประมาณนี้
Test E 600 mg/week เนี่ย ปลอดภัยในระยะยาวก็จริง แต่ว่ามันอาจจะมีความจุกจิกเกิดขึ้นได้บ้าง เช่น สิวขึ้น จาก estradiol หรือความสวิงเล็กๆ น้อยๆ
วิธีการ จัดการตรงจุดนี้ ค่อนข้างเสียงแตก บางก็ว่าใช้ Aromatase Inhibitor เช่น Letrozole, Anastrozole, Aromasin แต่ทว่าผมค้นพบว่า ยาเหล่านี้มีข้อเสียคือ ราคาสูง และมีความยุ่งยากประมาณนึงในการเลือกโดสที่เหมาะสม ดังนั้น ผมเลยชอบแนะนำให้ใช้ยาที่พอฉีดเข้าไป ร่างกายสามารถเปลี่ยนมันเป็น Aromastase Inhibitor ได้เอง นั่นคือ
Masteron (Drostanolone Enanthate และ Propionate)
Primobolan (Methenolone Enanthate)
Equipoise (Boldenon Undecylenate)
ยาเหล่านี้ เมื่อเราเลือกใช้โดยการเน้นสำคัญที่การจัดการ Estradiol เราเลือกเพียง 1 ตัว แล้วใช้ในปริมาณที่ไม่มา่กกว่า 50% ของ Testosterone Enanthate ดังนั้น หน้าตามันจะออกมาประมาณนี้
Test E 5 - 600 + Mast E 3 - 400
Test E 5 - 600 + Equipoise 300 - 400
Test E 5 - 600 + Primobolan 3 - 400
เหตุผลที่เราไม่ดันตัวหลังขึ้นสูงมาก เพราะว่า Estradiol จริงๆ แล้ว สร้างกล้ามมากๆ ที่ระดับ Estradiol ประมาณ 150 - 200 เนี่ย แล้วคนใช้ไม่เจ็บนมนะ แม่งโคตร Anabolic เลย แต่ถ้าเราไปกลัวมากเกินไป แล้วกดลงไปแบบ 60 อะไรงี้ หรือหนักขนาดไป 20 มันจะกลายเป็น กล้ามไม่ขึ้น
ประกอบกับพอ estradiol ติดพื้น SHBG ก็จะติดพื้นเช่นกัน ทำให้ไม่มีตัวหน่วงเวลาของฮอร์โมน ร่างกายมันจะถูก ท่วม เกินไป ทำให้เกิดเป็น Androgenic Side Effect แทน เช่น ผมร่วง สิวเยอะ ผิวเสีย
อีกตัวที่สำคัญคือ Oxidative Stress ตัวนี้ก็คือประมาณว่าความเครียด ของเสีย ที่เกิดขึ้นในระดับเซลล์ ซึ่งมันอาจจะเกิดจากน้ำตาลในเลือดสูง พอมากๆ เข้า ก็จะเป็นโรคอื่นตาม เช่น เก๊า ทีนี้ Anabolic Steroid เพิ่มหรือลด Oxidative Stress ? ถ้าเน้นอ่านอย่างเดียว จะบอกว่าเพิ่ม
แต่ผมพบว่า ถ้าใช้อย่างถูกวิธี ในโดสที่พอเหมาะ มันลดครับ จากการที่คนใช้สามารถนอนหลับ ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น แจ่มใส กล้ามขึ้น แล้วถ้ายิ่งปรับอาหารให้ถูก แม่งลดติดพื้นเลย
วิธีการดู oxidative stress จริงๆ ดูทางผิวกาย ผิวหน้า ก็ได้ แต่ถ้าเอาแบบตัวเลข คือตรวจดู sdLDL ที่ต้อง sd เพราะว่า sd คือจะบอกว่า LDL ถูกใช้ไปในการรักษาส่วนที่เกิด Oxidative Stress มากน้อยขนาดไหน แต่ถ้าความเข้าใจตรงนี้ไม่มี แล้วไปกินยากดคลอเรสโตรอล กด LDL ในสภาวะที่ Oxidative Stress สูง ก็คือภายในจะเสื่อมเร็วมากกว่าคนไม่กินยากดคลอเรสโตรอลยะ
แต่ถ้าบอกว่ามันเพิ่ม ก็มองได้เช่นกัน เพราะว่าการใช้ Anabolic Steroid จริงๆ ทำให้เกิดพฤติกรรม "ติดยา" ได้ โดยเฉพาะ Trenbolone ประกอบกับความเชื่อเรื่องกินแป้งสูงตลอดวัน แต่ไขมันต่ำ (การกินไขมันช่วยป้องกันการเกิด Oxidative Stress ได้ดีมาก แล้วไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ จะขาดไม่ได้)
เทรนเนี่ย จริงๆ แล้วมีลักษณะเฉพาะตัว คือในโดสสูง จะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะ Dopamine สูงตลอดเวลา เวลาออนเทรน แล้ว Dopamine ยิงสูงขึ้นไปมากๆ สมองจะสั่งให้ผลิต Prolactin แล้วพอผลิตมากๆ ก็จะเจ็บนม อันนี้คือเหตุผลที่แท้จริง เวลายิงเทรนสูงมากๆ ถึงต้องใช้ Cabergoline เพื่อป้องกันไม่ให้ต่อมใต้สมองหลั่ง Prolactin ออกมา ถ้าเราไปดูอาการ Dopamine สูงเกิน มันคืออาการเดียวกับ Tren Side Effect เลย
นอนไม่หลับ
ฝันร้าย
โมโหง่าย
ตัดสินใจเร็วเกินไป
แล้วเวลา Dopamine สูงนานๆ ประสาทมันจะปรับตัว ทำให้พอลด Tren เกิดไม่ค่อยมีความสุข ต้องกลับไปออนใหม่ กูขาด TREN ไม่ได้ อันนี้ 1 ประเด็น สรุปคือมันไปยุ่งเคมีในสมองเยอะ
(ปรับตัวคือประมาณว่า จากปกติ Dopamine 20 คือสุดละ แต่ใช้เทรนสูง + นาน มัน 20 ตลอดใช่ไหม ร่างกายปรับใหม่ คราวนี้ 20 กลายเป็นเฉยๆ ทำให้พวกตัวสื่อสัญญาณประสาทอาจจะทำงานผิดปกติได้ มี STUDY ตัวนึงกำลังติดตามผลนี้อยู่)
แต่ Tren ถ้าใช้ดีๆ ก็กล้ามโคตรขึ้นเหมือนกัน ซึ่งถ้าไปดูลักษณะการฝังในวัว โดสมันต่ำมากนะ ฟีลแบบถ้าเป็นคนคือปักวันละ 10 - 20 mg เลย แต่อย่าลืมว่าสัตว์กินพืชที่ฝันเทรน จริงๆ กินไขมันอิ่มตัวที่ได้จากการหมักพืชนะ ไม่ใช่น้ำตาลจากการหมักพืช
ดังนั้น ถ้าเราปรับอาหารไปทางหนักไขมันอิ่มตัว ยาอาจจะได้ผลมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ลูกค้าก็ทำอยู่ ได้ผลดี
พอเรารวบความเข้าใจด้วยกัน หน้าตาก็จะออกมาประมาณนี้
Test E 5 - 600 + Mast E 3 - 400
Test E 5 - 600 + Equipouse 300 - 400
Test E 5 - 600 + Primobolan 3 - 400
Trenbolone เมื่อต้องการ ก็ซอยปัก Microdose ไปเลยครับ วันละครั้ง 10 - 30 MG อะไรว่าไป วิธีนี้ ไม่มีผลข้างเคียง Dopamine ไม่สูงปรี๊ด ไม่หลั่ง Prolactin ไม่เจ็บนม
ทีนี้มันก็ออนไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะ CUT หรือ BULK ไขมันจะไม่ขึ้น ไม่รูดละ เพราะว่าร่างกายอยู่ในโหมดที่ดีแล้ว (คนแพ้ Testosterone ไม่มีอยู่จริง ไม่งั้นมันตายตั้งแต่ก่อนเกิด)
Trenbolone ใครใคร่ใส่ ก็ใส่ หลักการมันประมาณนี้ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า ต้องใช้เยอะๆ ไม่งั้นไขมันจะขึ้น แบบนั้นแสดงว่าอาหารไม่เหมาะสมแล้ว แต่ถ้าแบบงบไม่จำกัด แล้วชื่นชอบในการใช้ ยาตัวนึงแก้อาการยาอีกตัวนึง แบบนั้นก็ได้เหมือนกัน
ถ้าใช้ตามนี้แล้วรู้สึกว่า เออ ใช่แล้ว ดีแล้ว ก็ให้ใช้แบบเดิมไปเรื่อยๆ ค่อยๆ เก็บไป
ต่อมาคือ โกรทฮอร์โมน
ตัวนี้เนี่ย ใครมีงบสามารถใช้ได้เลย ถ้าใช้ ตัวมันหนา แล้วนูนออก จะตัดแยกเป็นร่องในที่สุด พอสะสมได้มากพอ ก็จะสามารถอัพโดสยาถีบ size ขึ้นไปได้ แต่ถ้าไม่มี ก็อาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์ในการอัพโดสยาเท่าไหร่นะ
สรุปคือ
ใช้เทสนำ
ใช้ตัวใดตัวนึงช่วยจัดการ Estradiol ให้เข้าที่
ถ้าต้องการใส่ซอส ให้ใส่ Tren A แบบซอยโดส
ถ้าต้องการคุณสมบัติพิเศษรักษาโรค เช่น กระดูก ข้อ ใส่เดกก้า ถ้ารักษาเอ็น ก็ใส่ peptide TB500 อะไรว่าไป
HGH ดีสำหรับทุกคน ไม่มีเพดานโดสจำกัด
Comments