PART 3/10 ออนเทสยังไงให้ไม่บวม ไม่คุมอาหาร ของหวานแดกได้ หน้าไม่ดำ

อันนี้แม่งคือ TOPIC เรียกทัวร์ลงเลยนะ 5555555 แต่มันทำได้จริงๆ เคยรู้สึกไหมว่า

• ดันแคลอรี่ แต่กล้ามไม่ขึ้น ไขมันก็ไม่ขึ้น แต่ เอ้า แม่งชาปลายประสาท หน้าบวม ง่วงนอน

• กินข้าวแล้วง่วงนอน แม่งง่วงทั้งวันเลย ทั้งที่กินพลังงานสูง แม่งก็ต้องดีดดิวะ

• ซ้อมแล้วแรงตก

นั่นเป็นเพราะว่า อาหารที่กิน ไม่เท่ากับ พลังงาน

พลังงานคือ ATP แต่อาหารที่กิน ที่เป็นหมู่ พลังงาน คือ

1. GLUCOSE

2. FFA กรดไขมันอิสระ

   มันไม่ได้แปรผันตรงหรือถูกใช้ตามปริมาณที่กิน

   
   

   เรื่องมันมีอยู่ว่า การนำสารตั้งต้นหลังงานไปใช้ ใน Mitochondria 1 ตัว จะใช้ได้เพียง 1 สาร ใน 1 ครั้ง เท่านั้น ไม่เช่นนั้น จะเกิดการ ล็อคกันเอง แล้วสารค้างในเลือด เรียกว่า RANDLE CYCLE ซึ่งมันมีดีกรีการเกิดต่างกัน ไขมัน + แป้ง ผสมกัน ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้ คือกินได้ แต่จะกินเฟร้นฟรายทอดขนาดครอบครัวหวัง Dirty Bulk แบบนี้ไม่ได้ เพราะมันจะไม่เข้า Mitochondria แล้วถูกจัดเก็บเป็นไขมัน

อ้าว แล้วทำไม กินข้าวเป๊ะๆ 2 โล ถึงยังมีปัญหา ไขมันขึ้น หน้าบวม เจ็บนมล่ะ ก็ไม่ได้กินไขมันแล้วนี่ ?

ก็เรื่องมีอยู่ว่า ไม่ว่าจะ คาร์บใดๆ ก็จะกลายเป็น GLUCOSE ในที่สุด การเปลี่ยนกลูโดสเป็นพลังงาน จะสรุปง่ายๆ ได้ดังนี้

1. GLUCOSE เข้าเซลล์ผ่าน GLUT 4

2. ที่ส่วน CYTOPLASM เข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า Glycolysis ได้ 2 ATP + 2 NADH + 1 Pyruvate

3. Pyruvate ไปวิ่งต่อ >> Acetyl CoA

   3.1 Acetyl CoA ไปวนๆๆ ได้ 6 NADH + 2 FADH + 2 ATP

4. สรุปจะได้ทั้งหมด 10 NADH(NADH คือ NAD+ ที่ขน Electron) + 2 FADH

5. NADH วิ่งเข้าสู่ Complex 1 ไปส่ง Electron เหมือนรถขนของ ส่งเสร็จ ตีรถเปล่า (NAD+) กลับไปรับ Electron กลายเป็น NADH วิ่งมาส่ง Complex 1 อีกรอบ

6. Complex 1 ส่งข้ามไป Complex 3 ให้ CoQ10 หรือ Ubiquinone ปั๊มโปรตอนอีก

7. Complex 4 รวม Electon + ออกซิเจน + โปรตอน จะได้ ATP และ น้ำ

8. Complex 5 ไอที่ปั๊มไว้ มาหมุนตรงนี้ จะได้ ATP

หมายความว่า ความสามารถในการสร้างพลังงานจากกลูโคส อยู่ที่ Complex 1 - 5 ว่าไม่มีส่วนใดเสียแล้วสามารถรองรับได้

ทีนี้ ปัญหาของการกินคาร์บเยอะมาก คือ โหลดของ NADH มันจะออกมามหาศาลมากๆ การที่มันวิ่งมาลง Complex 1 เยอะ ก็อาจจะเกิดปัญหาคือ

• Complex 1 เต็ม ทำให้ Electron หลุด

• รถเปล่า NAD+ ไม่พอรับ Electon >> Electron หลุด

  
  

อีกจุดที่หลุดได้เยอะคือ Complex 3 มักจะเกิดจาก Coenzyme Q10 ไม่พอ ซึ่งจะบรรลัยมากถ้าใช้ยา STATIN คนที่ใช้ STATIN จึงมักถูกแนะนำให้กิน Coenzyme Q10 เสริม

พอมันหลุด มันจะไปจับกับ ออกซิเจน เกิดเป็นสาร Superoxide ซึ่ง เป็นอนุมูลอิสระที่ แรงเหี้ยๆ อะไรก็เอาไม่ค่อยอยู่ Astaxanthin ก็เอาไม่อยู่ แต่ร่างกายจะจัดการได้ โดยใช้ตัวที่เรียกว่า Superoxide Dimutase(SOD) กับ CATALASE(CTE) ซึ่งฮอร์โมนหลักที่ควบคุม 2 ตัวนี้ คือ Estradiol ดังนั้นหมายความว่า

ถ้า Electron หลุดเยอะๆ จะเกิดอนุมูลอิสระเยอะ ร่างกายจะดัน Estradiol เพื่อ "รับมือกับอนุมูลอิสระ"

พอมันดันมากๆ แน่นอน มาเลย หน้าบวม ตัวบวม เจ็บหัวนม

วิธีแก้คือ

• เพิ่มปริมาณ Mitochondria เพื่อรองรับน้ำตาล โดยการ เพิ่มขนาดกล้าม

• ไม่โหลด Insulin มากเกิน เพราะทำให้ Mitochondia เสียหาย

• ใช้ Methylene BLUE ใน SLU PP 332 ของ SA เพราะจะสามารถไปรับ Electron ที่หลุด ตรง Complex 1 กับ 3 มาส่ง Complex 4 ได้

• เพิ่มตัวรถ NAD+ ครับ ใช้ ENHANCED NMN และ/หรือ 5-Amino-1MQ

• ลดคาร์บลง กินไขมันมากขึ้น เพราะการกินไขมัน จะได้ FADH วิ่งเข้า Complex 2 โดยไม่ผ่าน Complex 1 ทำให้ โหลดความหนักของ Complex 1 ลดลง

• แล้วไอการกินไขมันจากสัตว์ การย่อยสลาย จะได้สารตั้งต้นไปสร้างน้ำตาลอยู่ดี

• การสลายไขมัน การใช้ไขมันสะสม ก็จะได้ผลเดียวกัน ดังนั้น การใช้สารเร่งการสลายไขมัน เช่น HGH, SLU-PP-332, Cardarine, Tirzepatide คู่กับการไม่โหลดแป้งหนัก จะช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของ Mitochondria ทำให้หลังการทำ MINI CUT กล้ามมันฟูได้ง่าย เพราะไอตัว MITO ที่พังๆ COMPLEX ที่พังๆ มันถูกซ่อมแล้ว

ก็คือหมายความว่า ให้ ENJOY ชีวิต กินชาบู อาหารคุณภาพ อยากแดกของหวานก็แดกไป ไม่ต้องประสาทแดกว่าต้องกินข้าว 1.5 หรือ 2 โล หรือนับสารอาหาร คุณนับแค่ ปริมาณ CARB พอ ว่าไม่เกินเท่าไหร่ หรือกินพอที่จะไม่รู้สึกง่วง ฟื้นตัวได้ทัน เพราะร่างกายจะสามารถสลับสารอาหารได้ ถ้าคุณรู้สึกว่า เริ่มง่วงตลอดเวลา แปลว่า มันเกินแล้ว ไม่ถูกใช้เป็นพลังงาน ร่างกายเลยเข้าสู่โหมด Parasympathetic แล้วมีอินซูลินสูง เพื่อเก็บสารตั้งต้นพลังงานที่เกิน

เพราะไม่ว่าจะกินคาร์บอะไร โหลดของมันก็จะเป็นแบบข้างบนอยู่ดี จะย่อยช้า ย่อยไว ก็โหลดเดียวกัน แล้วมันกะได้ยากครับ แทนที่จะไปนั่นกินแบบย่อยช้าให้ท้องอืด ใช้ความเข้าใจนี้ ไปกินหมูย่าง ก็ได้

สมมติถ้าจะตรวจเลือด ตรวจค่า FASTING INSULIN ได้ จะดีมาก เพราะมันบอกสภาวะร่างกาย ว่าพลังงานเกินไหม ยิ่งคนอ้วนนะ การลดค่านี้ลงมา จะดีมาก ทำให้ไม่เพลีย ใช้ไขมันตัวเองได้ตลอด กินชาบูก็ได้ ไอติมก็ได้