บทความนี้อยากจะเขียนมานานแล้ว เพราะเป็นคำถามที่เจอบ่อย แล้วก็รู้สึกงงมาก 5555 ไม่ใช่ไร คือผมไม่รู้จะตอบยังไง คือตัวลูกค้าเองนะครับยังไม่รู้เลย แล้วผมจะไปรู้ได้อย่างไร ก็เอาเป็นว่าจะบอกรายละเอียดทั้งหมดให้ แล้วก็อ่านนะครับ แล้วก็เลือกเอา ในบทความนี้พูดถึงการใช้ HORMONE (Anabolic Steroid หรือตัวย่อ AAS) เท่านั้น ไม่รวมถึง SARMs, Fat Burner, GW1516, HGH ไม่รวมนะครับ พวกนี้ไม่รวม เริ่มเลย
การใช้ AAS คือการใช้ "ฮอร์โมน" นั่นเอง กรุณาแยกสมองก่อนนะครับ ที่คนชอบพูดกันว่าใช้ยาสเตียรอยแล้วหน้าพัง อะไรพังๆ อันนั้นคือ Corticosteroid นะครับ คนละอย่างกัน แยกก่อนครับ สติต้องมี
เวลาเราใช้ฮอร์โมนจะเกิดจากปรับของ HPTA AXIS พูดง่ายๆ คือระบบที่ควบคุมการผลิตฮอร์โมนนั่นแหละ ใช้ของนอก ร่างกายลดการผลิต ไข่หด ประมาณนี้ ซึ่งก็ปกติครับ มันหดลงจนถึงจุดนึง แล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น นะครับ
การใช้ AAS แบ่งหลักๆ ได้ 2 แบบ คือ Therapeutical Dose และ Supraphysiological Dose
แบบแรก Therapeutical Dose แปลว่า ใช้เพื่อการรักษา ยกตัวอย่างเช่น ใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนในคนที่ฮอร์โมนมันถอยลงแล้ว, เร่งการฟื้นตัวหลังผ่าตัดม รักษาเนื้อไม่ให้หายจากโรคร้ายแรง
แบบที่สอง Supraphysiological Dose ก็คือไม่ใช่รักษาโรคละ คือเพื่อ "เพิ่มประสิทธิภาพในซักด้านนึงหรือหลายๆ ด้าน" ซึ่งคนที่มาอ่านเนี่ย มันใช้แบบนี้อยู่แล้ว เทสอีเกิน 250 - 300 mg/week มันก็เข้าข้อนี้แล้ว
เมื่อเราใช้ AAS มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราบ้าง ก็ง่ายๆ ออกกำลังกายได้หนักขึ้น แข็งแรงขึ้น ไขมันก็ลดเร็ว ข้อดีรู้อยู่แล้ว เอาข้อที่ต้องระวังและเป็นข้อเสียดีกว่า
อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจผ่านทาง LDL และกล้ามเนื้อหัวใจ อันนี้สำคัญที่สุด
คนที่ใช้ยาเม็ด ภาระที่ตับจะหนักขึ้น ยาเม็ดแต่ละตัวส่งผลต่อตับไม่เท่ากัน ตับแค่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
เรื่องไต อาหารไทยค่อนข้างรสจัด และไม่รู้ไปเอาความเชื่อยัดโปรตีนแบบบ้าๆ มาจากไหน ใครใช้ยาเวลาตรวจ ตรวจค่าไตด้วย
ยาบางตัวมีผลต่ออารมณ์ ซึ่งจะกล่าวถึงในบทความโปรไฟล์ยา
เวลาใช้จัด Stack จะต้องจัดให้ Testosterone/Estrogen สมดุลกัน จะได้ไม่เกิดปัญหาจากการที่ตัวใดตัวหนึ่งต่ำจนเกินไป เช่น ถ้า Bulking คุณจะต้องใช้ Aromatizing compound ด้วย เช่น EQ, Dbol โดสเทสต้องสูงหน่อยเพื่อให้มี Estrogen ไปเสริมความ Anabolic, ถ้า Cutting ก็ต้องไม่ใช้ Aromatizing compound ในช่วงท้ายของการ Cutting เพราะมันจะแห้งไม่สุด
แต่จริงๆ ถ้าใช้แบบที่ผมบอก ใช้ง่ายๆ มันไม่มีปัญหา มีก็แต่พวกรู้ไม่จริงฟอร์มเซียนอะครับ ที่ทำคนมีปัญหา 55555
ทีนี้เมื่อเราใช้ยามาสักพักเนี่ย เราต้องทำยังไง ?
จริงๆ มันมีหลายความเชื่อ เช่น ต้อง PCT, ห้ามออนยาว, ต้องเลี้ยงเทส จริงๆ นี่เป็นสิ่งที่ท่องจำกันมา การแก้ปัญหามันง่ายนิดเดียวคือถามตัวเองเลยว่า "อยากทำอะไร" พอคิดออกก็ดูว่า "ร่างกายมันให้ทำได้ไหม" ง่ายๆ แค่นี้เอง ก็ตรวจเลือด แล้วดูว่า "มันให้เราทำสิ่งที่อยากทำได้ไหม" ยกตัวอย่างเช่น ค่าตับสูง หยุดยาเม็ดก่อน, LDL สูง ทำให้มันลงมาก่อน ค่อยใส่ตัวนี้เพิ่ม, ค่าไตสูง ดูซิทำอะไรผิดตรงไหน ทำให้มันลงได้ค่อยใส่, เม็ดเลือดแดงสูงเกินไป ไหนดูว่าควรลดยาตัวไหน ประมาณนี้อะครับ หรือถ้าใครเลือกจะใช้ตามที่รู้กัน เช่น ยาเม็ดใช้เดือนเว้นเดือน อะไรแบบนี้ ก็ได้ มันก็เป็นการคุมความเสี่ยงแบบนึงครับ
Bulk มาสุดทางแล้ว อยาก CUT เลย ก็ทำได้
CUT มาแล้ว อยากใช้ Bulk ต่อเลย ก็ทำได้
อยากจะออนรักษาหุ่นเฉยๆ ก็ทำได้
ทำได้หมด ถ้าผลเลือดมันให้ทำ พอเราได้ผลเลือดมาเนี่ย เราก็ดูเลย ว่ามันให้เราทำได้ขนาดไหน ถ้าอยากจะใช้อีก 500 ผลเลือดมันดูให้ใช้ได้ 400 เราก็ใช้ 400 หรือถ้าอยากจะพักแล้วรอใช้ 500 เลย ก็ย่อมได้ บางครั้งเราอาจจะเลือกดูจากปัจจัยอื่นด้วย เช่น สีผิว(ยาที่มัน Androgenic มากๆ จะทำให้เม็ดสีเยอะขึ้น ผิวจะคล้ำ บางคนอาจจจะซีเรียส), สิวขึ้น, ผมร่วง(อาจจะมียาที่เป็น DHT เยอะเกินไป ก็ถอนออกซะ)
แต่ถ้าเลือกที่จะพัก ก็ต้องพักแบบมีคนมีความรู้หน่อย เช่น
ถ้างบน้อยก็เลี้ยง Test E 300 mg/week
บางคนอยากจะ PCT ก็ทำได้ แต่ทำให้มันจบ
แต่สิ่งที่ห้ามทำและโคตรโง่แต่คนชอบทำชิบหายเลยคือนึกจะเลิกก็เลิกทิ้งไปเลย แบบนี้ไม่ได้เพราะไอ้ HPTA AXIS มันกลับมาเองได้ แต่มันช้าถ้าไม่ทำ PCT ผลที่ตามมาคือกล้ามหาย ไขมันพุ่ง แล้วพวกนี้มักจะสติแตก โวยวายว่าฮอร์โมนพัง มันไม่ใครทำพังเลย ก็คนพวกนี้อะทำตัวเองพังเอง ตั้งใจพังมันเอง จริงๆ
ถ้าทำตาม STEP ไม่มีคำว่าพัง เค้ารู้กันมา 20 กว่าปีละ เมืองนอกไปถึงไหนกันแล้วน้อ
จะทำอะไร มันต้องมีเหตุผลมากพอครับ อย่าไปฟังคนอื่นเยอะ ให้มีความรู้ก่อน แล้วคิดว่าควรจะทำอะไร ทำแบบไหน ถ้าเลือกแล้วก็คิดอีกรอบว่า แบบนี้ใช่แน่ๆ ใช่ไหม จะได้ไม่เสียเงินเสียเวลาฟรี เพราะว่าเสียเวลาก็เหมือนเสียเงินอะครับ โอ้ย เสียซ้ำเสียซ้อน เงินยิ่งหายากๆ ทำอะไรคิดดีๆ หาเหตุผลก่อนครับ
พอรู้แบบนี้แล้ว ก็ขอพูดถึงการแก้ปัญหาระหว่างการใช้ AAS เลยละกัน บางคนไปเจอจัดโง่ๆ มา ก็ง่ายๆ เลยครับ หยุดใช้ทุกตัวเหลือไว้แค่ TEST E หรือเทสตัวไหนก็ได้ที่ใช้อยู่อะ สักอาทิตย์ละ 200 - 300 MG พอยาตัวอื่นที่หยุดออกหมด ร่างกายมันจะจูนได้เอง ทีนี้ก็ค่อยๆ ใส่กลับเข้ามา ดูว่าที่เท่าไหร่มันพอดี แค่นี้เอง ไม่ใช่สติแตกโวยวาย หยุดใช้ไปดื้อๆ
แล้วคำแฟนซีๆ ที่พูดกันอะ Blast and Cruise มันก็ไม่มีอะไร ก็คือแค่การออนยาตามปกติ พอถึงช่วงนึงก็ไม่หยุดแต่ลดโดสลดตัวยาลง พอผ่านไปก็ใช้เพิ่ม วนไปๆ
หลักการมันมีแค่ในหน้านี้ มีแค่นี้จริงๆ ที่เหลือมันอยู่ที่กินอาหารดีไหม ซ้อมดีไหม ของดีหรือเปล่า ซึ่งถ้าของดีๆ มันต้องซื้อที่ร้านนี้ครับ ดีแน่นอน ราคาดีด้วย รับประกันด้วยนะ เออ แบบนี้ต้องรีบซื้อๆ
Commentaires